ทาครีมกันแดดอย่างไร ให้ผิวสวยใสกล้าท้าแดด!?

          รู้หรือไม่? ในแสงแดดอันร้อนระอุที่ส่งตรงมาจากดวงอาทิตย์ มันมีอะไรบางอย่างที่เรามองไม่เห็นและน่ากลัวมากซ่อนอยู่ นั่นก็คือ!! รังสีอัลตราไวโอเลต หรือรังสี UV นั่นเองงง… รังสี UV ที่ว่านี้ จริงๆ แล้วมีทั้งหมด 3 ชนิดเลย แต่มีเพียง 2 ชนิดที่สามารถทะลุผ่านชั้นบรรยากาศโลกเข้ามาได้ นั่นก็คือ UVA และ UVB ซึ่งเจ้ารังสีทั้งสองชนิดนี้ เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวสวยๆ ของเราคล้ำเสีย เกิดฝ้ากระ จุดด่างดำ รวมถึงมีริ้วรอยก่อนวัยอีกด้วย ที่น่ากลัวขั้นสุดก็คือรังสี UV ยังเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนัง!! ถ้าจะน่ากลัวขนาดนี้เราต้องรู้จักปกป้องผิวของเราจากรังสี UV กันหน่อยแล้ววว

          ไอเทมชิ้นเด็ดในการป้องกันรังสี UV : เช็คกันให้ไวว่าใช้ครบกันรึเปล่า

    1. แว่นกันแดด แว่นที่ใช้ควรมีประสิทธิภาพในการป้องกันทั้งรังสี UVA และ UVB นะคะ เนื่องจากรังสีเหล่านี้ จะก่อให้เกิดอันตรายแก่ดวงตาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เช่น การปวดอักเสบที่ดวงตา ตาแดง และที่หนักสุดถ้าโดนรังสีเป็นเวลานานก็คือ ต้อกระจกค่ะ!!
    2. เสื้อป้องกันแสงแดด สมัยนี้มีเสื้อหลายๆ ยี่ห้อ เริ่มผลิตเสื้อชนิด UV Cut ที่สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB ใครที่เจอแดดบ่อยๆ แนะนำเลยจ้า
    3. ร่มกัน UV ประสิทธิภาพการป้องกันขึ้นอยู่กับวัสดุที่ผลิตกับความหนาของผืนร่ม และสีร่มถ้าใช้สีมืดขึ้นจะช่วยได้มากขึ้นค่า
    4. ครีมกันแดด อันนี้คือหัวใจสำคัญในการปกป้องผิวที่ขาดไม่ได้เลยนะคะ! เรามาลงรายละเอียดที่ควรรู้เกี่ยวกับครีมกันแดดกันดีกว่าค่ะ ว่าจะมีอะไรบ้าง

         ครีมกันแดดที่ดีจะต้องมีส่วนผสมของสารป้องกันทั้ง UVA และ UVB โดยหน้าขวดจะมีการระบุค่าประสิทธิภาพการป้องกันรังสี UVA เรียกว่า PA (Protection grade of UVA) ซึ่งแสดงด้วยเครื่องหมาย + (ต่ำสุด) ไปจนถึง ++++ (สูงสุด)  เลือกแบบที่ + เยอะไว้ก่อน ดีกว่าแน่นอนจ้าาา

        ส่วนค่าประสิทธิภาพการป้องกันรังสี UVB เรียกว่า SPF (Sun Protection Factor) ซึ่งมีค่าตั้งแต่ SPF 2 – 50+ โดยหลายๆ คนมักเลือกครีมกันแดดที่มี SPF สูงๆ เพราะเข้าใจว่ายิ่งมี SPF มาก ประสิทธิภาพในการป้องกันยิ่งดี ขอบอกไว้ ณ ที่นี่เลยว่าไม่ใช่ค่ะ! “SPF สูง ไม่ได้แปลว่าป้องกันรังสีได้ดีกว่า” เพราะจริงๆ แล้ว SPF เป็นตัวบอกระยะเวลาการป้องกันผิวหนังจากรังสี UV ตอนนี้หลาย   คนอาจจะงงๆ เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพมากขึ้น เรามาดูตัวอย่างการคำนวณระยะเวลาป้องกันแดดจากค่า SPF กันเลย

วิธีการคำนวณระยะเวลาการป้องกันรังสี UV นั้นง่ายมาก แค่นำค่า SPF มาคูณกับ 20 นาที จะได้เป็นระยะเวลาที่ผิวหนังสามารถทนแสงแดดได้โดยที่ผิวยังไม่ถูกทำร้าย

          —– ผลลัพธ์ที่ได้จะแสดงเป็นจำนวนนาทีที่ครีมกันแดดสามารถปกป้องผิวได้นั่นเอง —–

          เช่น SPF 15 หมายถึง ครีมกันแดดสามารถป้องกันผิวหนังจากรังสี UV ได้นาน 15 เท่า     ดังนั้นระยะเวลาการป้องกันรังสี UV คือ 20×15 = 300 นาที หรือ 5 ชั่วโมงนั้นเอง

              สรุปแล้วก็คือ SPF มากเท่าไร ก็ปกป้องผิวได้นานขึ้นนั่นเองจ้า

          สำหรับการเลือกใช้ครีมกันแดด หลักๆ ก็คือ เลือกใช้ให้เหมาะสมกับกิจกรรมที่ทำและสังเกตุสีผิวของตนเอง ถ้าหากผิวขาวก็ควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF และ PA สูงกว่าคนผิวเข้ม เพราะมีโอกาสผิวไหม้และเป็นฝ้ากระได้ง่ายกว่า แต่การใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF มากกว่า 50 ก็อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองผิวได้เพราะปริมาณสารเคมีที่เพิ่มขึ้นนั่นเองค่ะ  แต่โดยปกติแล้วเราไม่จำเป็นต้องใช้ครีมกันแดด SPF สูงขนาดนั้นนะคะ เพราะระยะเวลาที่รังสี UV เข้มถึงจุดที่เป็นอันตรายต่อผิวหนังคือช่วง 9 โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมงเย็นค่า (6 ชั่วโมงเท่านั้นเองค่าาา)

        เลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับผิวได้แล้ว มาดูวิธีการทาครีมกันแดดแบบ Step-by-Step กันเลย

  1. หลังจากความสะอาดหน้าแล้ว แต้มครีมกันแดดบริเวณ 5 จุด คือ หน้าผาก จมูก แก้มทั้งสองข้าง คาง และลำคอ ในปริมาณพอเหมาะนะคะ เพราะทามากไปเดี๋ยวหน้าจะเยิ้มเอา
  2. ใช้นิ้วกลางและนิ้วนางเกลี่ยเนื้อครีม โดยลงน้ำหนักนิ้วให้เบาที่สุดนะคะ เพราะผิวหน้าเราบอบบางมาก เริ่มจากบริเวณโหนกแก้ม ตามด้วยแนวสันจมูก คาง และหน้าผาก
  3. การทาครีมที่คอนั้นให้ใช้ปริมาณเนื้อครีมเท่ากับที่ใบหน้า เริ่มจากฐานลําคอแล้วใช้ปลายนิ้วทั้งหมดค่อย ๆ ลูบไล้ขึ้น
  4. อย่านำครีมกันแดดชนิดทาตัวมาทาหน้านะคะ เพราะจะทำให้ผิวหน้าระคายเคืองได้น้า

    เป็นอย่างไรกันบ้างเอ่ย หวังว่าทุกคนจะได้รับความรู้ไปแบบแน่นปึ๊กนะคะ ถึงแม้เราจะไม่สามารถป้องกันเราจากรังสี UV ได้ แต่การโบกครีมกันแดด ใส่แว่นดำ กางร่ม ก็ช่วยลดระดับความรุนแรงของแสงแดดจนไม่สามารถทำร้ายผิวของเราได้แล้วจ้า

ที่มา pharmacy.mahidol.ac.thhttp://ozone.tmd.go.th/uv-attitude.htm,  www.rbac.ac.th