รอยคล้ำใต้ตา ปัญหากวนใจ จัดการยังไงให้อยู่หมัด!!

สาวๆ คงไม่มีใครปลื้มให้มีรอยดำหรือรอยคล้ำประทับบนใบหน้าชัดเจนใช่ไหมคะ โดยเฉพาะดวงตาซึ่งเป็นหน้าต่างของหัวใจ อย่าว่าแต่สาวๆ เลยค่ะ หนุ่มๆ ก็ต้องระวังเหมือนกันนะจ๊ะ เพราะรอยคล้ำใต้ตาเป็นหมีแพนด้า หน้ายิ่งคล้ำ เศร้าหมองไม่สดใส เหมือนคนอมทุกข์อยู่ตลอดเวลา รู้ไหมคะว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อความมั่นใจและบุคลิกภาพของตัวเอง แถมยังทำให้ดูแก่ก่อนวัยอีกด้วย

เจ้าขอบตาคล้ำ ใต้ตาดำนี้เกิดจากอะไร!!

จริงๆ แล้วมันคือเส้นเลือดที่ไหลผ่านหลอดเลือดดำใต้ผิวหนังรอบดวงตาของเราเองค่ะ ด้วยความที่ผิวหนังบริเวณรอบดวงตาส่วนนี้บางมาก แค่เราขยี้ตาเบาๆ ก็จะเห็นเป็นรอยคล้ำได้ง่ายทีเดียว

รอยคล้ำใต้ตาเกิดได้จากหลายสาเหตุมากๆ และแต่ละสาเหตุก็มีวิธีการรักษาที่แตกต่างกันออกไปนะคะ ไม่ว่าจะเป็น….

1. พันธุกรรม

พันธุกรรมของแต่ละคนมีส่วนกำหนดให้มีถุงใต้ตาหรือกำหนดความหมองคล้ำใต้ตาได้เหมือนกันนะคะ โดยเฉพาะคนที่ผิวขาวยิ่งจะเห็นความดำคล้ำได้ชัดเจนกว่าคนผิวเหลือง น้ำตาลหรือดำค่ะ วิธีแก้ไขสามารถเยียวยาได้ด้วยการบำรุงวิตามินให้ผิวรอบดวงตาชุ่มชื่น ก็จะช่วยให้ผิวใต้ตากระจ่างใสได้เหมือนกันค่ะ

2. อายุที่เพิ่มมากขึ้น

วัยที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ร่างกายสูญเสียคอลลาเจน ทำให้ผิวหนังบริเวณรอบดวงตาบางลง ยิ่งมองเห็นเส้นเลือดดำใต้ผิวมากขึ้น ซ้ำร้ายผิวหนังใต้ตาหย่อนคล้อยจนเกิดถุงใต้ตาอาการหนักกว่าเดิมอีก ทางที่ดีพยายามนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 6-8 ชั่วโมงทุกคืนได้จะดีที่สุด เพราะในขณะที่หลับตานั้น ดวงตาของเราก็จะได้รับการซ่อมแซมไปในตัวด้วยค่ะ

3. ปานโอตะ

สำหรับปานโอตะ เราอาจจะเป็นตั้งแต่เกิด หรือเริ่มเป็นเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ปานโอตะเกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีที่ผิดปกติในชั้นใต้ผิวหนัง ลักษณะเป็นปานสีน้ำเงินหรือน้ำตาลเข้มคล้ำ ส่วนใหญ่จะเป็นข้างเดียวของใบหน้า ตั้งแต่หน้าผาก ขมับ และแก้ม บางคนอาจมีปานทั้งสองด้าน หรือบางคนอาจเป็นปานโอตะอยู่ที่ขอบตา ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ขอบตาดูเขียวคล้ำได้เหมือนกันนะคะ

4. โรคภูมิแพ้

ไม่ว่าจะเกิดจากโรคภูมิแพ้ที่ผิวหนังเรื้อรัง หรืออาการแพ้สารต่างๆ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการขยี้ตาบ่อยๆ แล้วการขยี้ตาบ่อยๆ จะเป็นตัวกระตุ้นเซลล์ให้สร้างเม็ดสีบริเวณผิวหนังใต้ตาเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดรอยดำและริ้วรอยได้เช่นกัน แต่อย่าพึ่งกังวลใจไปค่ะ ใต้ตาคล้ำนี้สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารยับยั้งการสร้างเม็ดสีต่างๆ หรือจะเลเซอร์เพื่อให้รอยคล้ำใต้ตาดูจางลงค่ะ

5. แสงแดด

แสงแดดเป็นตัวการที่ทำให้เกิดรอยคล้ำของผิวรอบดวงตาเลยนะคะ เพราะในแสงแดดมีรังสี UV หากเราได้รับรังสี UV มากเกินไปทำให้เกิดปัญหาผิว ทั้งริ้วรอย สีผิวไม่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะผิวใต้ตาที่จะอ่อนบางกว่าบริเวณอื่นๆ หากถูกแสงแดดมาก ผิวส่วนนั้นก็จะบางลงจนมองเห็นเส้นเลือดดำใต้ผิวได้เลยค่ะ เพราะรังสี UV จะเข้าไปทำลายโครงสร้างผิวหนังของเรา กระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารอนุมูลอิสระ (อนุมูลอิสระคืออะไรดูได้ที่ http://bit.ly/2BwPYAO) ออกมามากกว่าปกติอีกด้วย ทางที่ดีพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดเท่าที่ทำได้ เช่น ทาครีมกันแดด และใส่แว่นกันแดดเพื่อหลีกเลี่ยงแสง UV ค่ะ

6. พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน

ในสมัยนี้ที่ต้องทำงานกับการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือใช้สมาร์ทโฟนเป็นเวลานานเกินไป เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการ “ตาแห้ง” ซึ่งปริมาณน้ำตาไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สบายตา เคืองตา แสบตา แล้วก็เผลอขยี้ตาเพื่อให้มีน้ำตา ซึ่งการขยี้ตานี้เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ใต้ตาคล้ำกันเลยทีเดียว เราสามารถแก้ไขได้ด้วยการดื่มน้ำให้มากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดทั้งวัน แล้วหยอดน้ำตาเทียมวันละ 4-5 ครั้ง ก็ช่วยบรรเทาได้ แล้วปรับพฤติกรรมใหม่ ลดการเพ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟน แล้วพักสายตาเป็นระยะๆ

เห็นมั้ยคะ รอยคล้ำใต้ตาเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ละสาเหตุก็มีวิธีการรักษาที่แตกต่างกันออกไป อย่างน้อยก็พยายามไม่ขยี้ตาบ่อยๆ ก็ช่วยได้ในระดับหนึ่งเลยล่ะ ถ้ารู้สึกระคายเคืองตาบ่อยๆ อาจจะต้องกลับมาสำรวจตัวเองว่าแพ้เครื่องสำอาง มาสคาร่า หรือครีมบำรุงตัวไหนหรือเปล่า เราสามารถทดสอบง่ายๆ ด้วยการทาเครื่องสำอางบริเวณท้องแขนก่อนใช้ หากขึ้นผื่นแดงหรือรู้สึกคันอาจจะเสี่ยงให้เกิดอาการแพ้ได้

นอกจากนี้ รอยคล้ำใต้ดวงตาจะยิ่งมองเห็นได้เด่นชัดมากขึ้น เมื่อร่างกายอ่อนเพลียและเครียด นั่นก็เพราะร่างกายจะผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลตอบสนองต่อภาวะเครียดต่างๆ เพื่อให้เรารู้สึกตื่นตัวแล้วปริมาณเลือดในร่างกายเรามากขึ้น เส้นเลือดก็ขยายตัวมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น เราสามารถแก้ไขได้ด้วยการพักผ่อน เพราะการนอนหลับไม่เพียงพอ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ร่างกายของเราเหน็ดเหนื่อย อ่อนเพลีย และเครียด จนทำให้ขอบตาดำคล้ำนั่นเองค่ะ

วิธีแก้รอยคล้ำ ขอบตาดำ เพื่อดวงตาที่สดใส

ถุงชา

นำถุงชาที่ใช้แล้วไปแช่ตู้เย็น และเอามาแนบกับดวงตาประมาณ 10-15 นาที กาเฟอีนและกรดแทนนิกในชาจะช่วยลดอาการบวมคล้ำลงได้ แล้วพักผ่อนให้เพียงพอ ทำใจให้สบาย ผ่อนคลายและไม่เครียด เท่านี้ก็ช่วยให้ขอบตาไม่ดำคล้ำง่ายขึ้นแล้วค่ะ

*เคล็ดไม่ลับ อยากบอกต่อ* จะได้ผลดียิ่งขึ้นหากใช้ชาเขียวและชาคาโมมายล์จ้า

นิ้วมือ

อีกหนึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดให้รอยคล้ำใต้ตาจางหายไป วิธีนี้ควรทำหลังจากตื่นนอนตอนเช้า เราสามารถใช้นิ้วชี้ของเรากดเบาๆ ที่ใต้ตาด้านล่างช้าๆ จากซ้ายไปขวา ทำซ้ำไปมาประมาณ 10 ครั้งค่ะ อีกวิธีให้ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น ประคบบนเปลือกตาประมาณ 5 นาที แล้วล้างด้วยน้ำเย็นจัด จากนั้นให้หลับตาลงพร้อมกับใช้นิ้วกลางกดที่หางคิ้วทั้งสองข้าง ใช้นิ้วโป้งกดเบ้าตาช่วงหัวตา ค้างไว้ประมาณ 5 วินาที ค่อยๆ ปล่อยแล้วกดอีกครั้ง ทำซ้ำกันประมาณ 5-10 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยไล่ความคล้ำที่เกาะอยู่รอบดวงตาให้จางลงได้

ครีมบำรุงผิวรอบดวงตายับยั้งการสร้างเม็ดสี

ถ้าใครไม่รีบ อยากรักษาแบบค่อยเป็นค่อยไปให้ลองใช้ยาทาใต้ตาหรือครีมบำรุงรอบดวงตาที่มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่มีส่วนผสมของ Whitening เช่น ส่วนผสมของวิตามิน C เรตินอล กรดโคจิก ลิโคไลซ์ อาร์บูติน ไฮโดรควิโนน หรือครีมที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ ฯลฯ ก็จะช่วยให้รอยดำคล้ำใต้ตาจางลงได้ภายใน 3-4 สัปดาห์ค่ะ

ทานอาหารเสริม

การทานอาหารเสริมเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สาวๆ หลายคนหันมาสนใจนะคะ สำหรับใครไม่สะดวกทาครีมบำรุงหรือหาผักผลไม้ทานเป็นประจำ เราขอแนะนำ BE.U เลยค่ะ เพราะ BE.U ได้รวบรวมสารสกัดธรรมชาติที่ร่างกายต้องการจนได้เป็นสุดยอด Antioxidant ซึ่งจะช่วยดูแลผิวพรรณของทุกคน โดยเฉพาะผิวรอบดวงตาของเราให้เปล่งปลั่งจากภายในสู่ภายนอก เพียงแค่ทานวันละ 2 เม็ดพร้อมอาหารเช้า แค่นี้ก็มีผิวสวยใสได้แล้วค่ะ